ศาลเจ้าพ่อวังกรูด
ภายหลังจากไพร่พลมาจากมณฑลนครราชสีมาเข้าตีเจ้าอนุวงศ์แห่งเมืองเวียงจันทร์กลับมณฑลนครราชสีมาทางนครจำปาศักดิ์มุ่งสู่มณฑลนครราชสีมาโดยมีคุณหญิงโมเป็นผู้นำทัพ โดยแต่ละขบวนทัพก็มีหัวหน้า จากคำบอกเล่าของท่านผู้รู้เล่าว่า กำลังพลที่เดินทางมาตามชายฝั่งของแม่น้ำมูลได้ยึดเอาทุ่งกุลาร้องให้เป็นเป้าหมายของการเดินทาง โดยมีนายฮะ (ตาฮะ) กับนายเฮอ เป็นหัวหน้า พอมาถึงมองเห็นว่าบริเวณฝั่งขวามือของแม่น้ำมูลมีชัยภูมิที่เหมาะแก่การตั้งบ้านเรือน เพราะมีที่ดิน น้ำ ปู ปลา อาหารสมบูรณ์และจึงได้พาไพร่พลตั้งหลักปักฐาน ตั้งบ้านเรือนอยู่ปัจจุบันนี้ขึ้นอยู่กับอำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ส่วนไพร่พลที่เหลือก็แยกย้ายกันไป โดยนายโพธิ์และนายกลางที่มีความชำนาญเกี่ยวกับการล่าสัตว์และคล้องช้าง ก็ได้นำไพร่พลข้ามแม่น้ำมูลทางฝั่งซ้าย ตั้งหลักปักฐานทำมาหากิน ปัจจุบันคือ บ้านตาโพธิ์ - ตากลาง ขึ้นอยู่กับอำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ส่วนไพร่พลที่เหลือมีนายปึกเป็นหัวหน้า ได้เดินทางเรียบฝั่งแม่น้ำมูลมาตั้งหลักปักฐานอยู่ที่บ้านทัพค่ายมีที่ดิน พืชพันธ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ จึงได้แยกตัวและนำไพร่พลบางส่วนกลับมาตั้งรกรากอยู่ที่บ้านทางเกวียน ปัจจุบันคือ หมู่บ้านประมง เขตเทศบาลตำบลสตึก เนื่องจากนายปึกมีความเคารพนับถือภูต ผี ปีศาจ เชื่อว่าจะช่วยดูแลปกปักรักษาไพร่พลให้มีความสุขและป้องกันภยันตรายทุกอย่างได้ตาปึกจึงได้เสาะหาสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อที่จะสร้างสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อที่จะสร้างสถานที่ให้ไพร่พลได้ทำพิธีกรรมและกราบไหว้บูชา จึงได้พบกับต้นมะค่าโมงขนาดใหญ่ ประกอบกับสถานที่นั้นเป็นที่น้ำจากกรุดกรูดไหลมาสมทบกับลำน้ำมูลจึงได้จัดสร้างศาลเพียงตาขึ้นเป็นที่ทำพิธีกรรมและกราบไหว้บูชาตามประเพณีต่อมาเมื่อมีชนหลายเผ่าเข้ามาตั้งหลักปักฐานทำมาหากินเป็นหลักแหล่งจนเป็นชุมชนขนาดใหญ่ต่างก็ใช้สถานที่ดังกล่าวประกอบพิธีการกราบไหว้บูชาเรื่อยมาทำให้พี่น้องประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข ทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรืองเป็นลำดับ พี่น้องประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนที่ได้มาอาศัยอยู่ในอำเภอสตึกได้ร่วมใจกันก่อสร้างศาลเจ้าพ่อวังกรูด เป็นอาคารคอนกรีต เสริมเหล็กองค์เจ้าพ่อวังกรูด สูงภายหลังจากที่พี่น้องชาวอำเภอสตึกและอำเภอใกล้เคียงรวมถึงพี่น้องประชาชนจากทั่วสารทิศที่ ได้มากราบไหว้ สักการบูชามากขึ้นตามเทศกาล ทำให้พื้นที่ศาลบริเวณดังกล่าวคับแคบไม่สามารถรองรับและอำนวยความสะดวก คณะกรรมการพ่อคาทั้ง 4 ชุด ได้ประชุมปรึกษากันเพื่อที่จะจัดสร้างศาลเจ้าพ่อวังกรูดใหม่ เพื่อให้ใหญ่โตสวยงาม ทันสมัย ให้สมกับ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ จึงได้ถือฤกษ์เอาวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2549 เป็นนวางศิลาฤกษ์ดำเนินการก่อสร้างสำหรับงานฉลองเจ้าพ่อวังกรูดนั้นได้กระทำติดต่อกันมาเป็นเวลากว่า 90 ปี ระหว่างต้นเดือนเมษายนของทุกปี |