หน่วยที่ 7 การเรียนรู้ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ความหมายของเครือข่ายการเรียนรู้
ความหมายของเครือข่ายการเรียนรู้ (Web Based Instruction) หมายถึง การเรียนรู้ในระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ประกอบกิจกรรมทางการศึกษาทุกระดับ โดยมีองค์ประกอบสำคัญ คือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โปรแกรมที่ใช้ควบคุมระบบการทำงานและเครือข่ายการสื่อสาร นอกจากนี้ การเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคนยังแตกต่างกันออกไปตามความสามารถในการสื่อสาร และสภาวะแวดล้อมในการเชื่อมโยงข้อมูลอีกด้วย
คุณลักษณะพิเศษของเครือข่ายการเรียนรู้
1.สามารถเข้าถึงได้กว้างขวาง ง่าย สะดวก เรียกข้อมูลมาใช้ได้ง่าย เชื่อมโยงเข้าหานักเรียนคนอื่นได้ง่าย รวดเร็ว และสามารถเรียกใช้ข้อมูลได้ทุกเวลา ทุกสถานที่มีเครือข่าย
2.เป็นการเรียนแบบร่วมกันและทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม คุณลักษณะพื้นฐานของเครือข่ายการเรียนรู้ คือ การเรียนแบบร่วมมือกัน ดังนั้น ระบบเครือข่ายจึงควรเป็นกลุ่มของการเรียนรู้โดยผ่านระบบการสื่อสารที่สังคมยอมรับ เครือข่ายการเรียนรู้จึงมีรูปแบบของการร่วมกันบนพื้นฐานนของการแบ่งปันความน่าสนใจของข้อมูลข่าวสารซึ่งกันและกัน
3.สร้างกิจกรรมการเรียนรู้ โดยเน้นให้ผู้เรียนเป็นผู้กระทำมากกว่าเป็นผู้ถูกกระทำ
4.ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนการสอน และเน้นบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไป
5.จัดให้เครือขายการเรียนรู้เป็นเสมือนชุมชนของการเรียนรู้แบบออนไลน์
แนวทางการบริหารจัดการและพัฒนาเครือข่ายการเรียนรู้
แนวทางการบริหารจัดการและพัฒนาเครือข่ายการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น 4 ขั้น ดังนี้
1.ขั้นการก่อรูปเครือข่ายการเรียนรู้ (Learning Network Forming) เป็นการก่อตัวขึ้นโดยมี แนวทางสำคัญที่ควรดำเนินการ 4 ประการ ได้แก่
1.1การสร้างความตระหนักในปัญหา
1.2การสร้างสำนึกในการรวมตัว
1.3 การสร้างจุดรวมของผลประโยชน์ในเครือข่ายการแสวงหาแกนนำที่ดีของเครือข่าย
1.4 การสร้างแนวร่วมของสมาชิกเครือข่าย ถ้าเครือข่ายแห่งใดปฏิบัติได้ตามแนวทางดังกล่าวก็เชื่อได้ว่าจะสามารถก่อตั้งเครือข่ายในชุมชนได้อย่างแน่นอน
2.ขั้นการจัดระบบบริหารเครือข่ายการเรียนรู้ (Learning Network Organizing) การจัดระบบบริหารเครือข่ายการเรียนรู้ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ มีองค์ประกอบสำคัญที่ควรพิจารณา 5 ประการ คือ
1.การจัดผังกลุ่มเครือข่าย
2.การจัดบทบาทหน้าที่ของสมาชิกในเครือข่าย
3.การจัดระบบการติดต่อสื่อสาร
4.การจัดระบบการเรียนรู้ร่วมกัน
5.การจัดระบบสารสนเทศ
ดังนั้น ถ้าสามารถจัดระบบบริหารเครือข่ายได้ครบถ้วนดังกล่าว ผลที่ตามมาก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น
3.ขั้นการใช้เครือข่ายการเรียนรู้ (Learning Network Utilizing) การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายการเรียนรู้จากการดำเนินงานด้านต่างๆ ที่สำคัญ 5 ประการ ได้แก่
1.การใช้เครือข่ายเพื่อให้เป็นเวทีกลางประสานงานร่วมกันระหว่างสมาชิกภายในและภายนอกเครือข่าย
2.การใช้เครือข่ายเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนสารสนเทศและความรู้ของสมาชิกเครือข่ายและผู้สนใจ
3.การใช้เครือข่ายเพื่อให้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนระดมทรัพยากรร่วมกันของสมาชิกเครือข่าย
4.การใช้เครือข่ายเพื่อให้เป็นเวทีร่วมสร้างสรรค์และพัฒนาความรู้ใหม่ๆให้แก่สมาชิกทั้งภายในและภายนอกเครือข่าย
5.การใช้เครือข่ายเพื่อให้เป็นเวทีสร้างกระแสผลักดันประเด็นใหม่ๆที่เป็นปัญหาของชุมชนและสังคม
4.ขั้นการธำรงรักษาเครือข่ายการเรียนรู้ (Learning Network Maintaining) การธำรงรักษาเครือข่ายเพื่อให้ดำเนินการไปสู่ความสำเร็จ มีแนวทางปฏิบัติ 6 ประการ คือ
1.การจัดดำเนินการกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
2.การรักษาสัมพันธภาพที่ดีต่อกันระหว่างสมาชิกเครือข่าย
3.การกำหนดกลไก
4.การสร้างระบบแรงจูงใจให้แก่สมาชิกของเครือข่าย
5.การให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
6.การสร้างผู้นำรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง
กระบวนการและวิธีการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้
ก่อนที่จะตัดสินใจสร้างเครือข่ายการเรียนรู้หรือเข้าไปอยู่ในกลุ่มของเครือข่ายการเรียนรู้ ต้องเข้าใจกระบวนการต่างๆ ที่จะทำให้การเรียนรู้ประสบผลสำเร็จและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายที่เข้าร่วมในเครือข่ายการเรียนรู้ กระบวนการและวิธีการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ประกอบด้วยขั้นตอนและวิธีการต่างๆ ดังนี้
1.การตระหนักถึงความจำเป็นในการสร้างเครือข่าย เป็นขั้นตอนที่ผู้ปฏิบัติงานหรือฝ่ายจัดการตระหนักถึงความจำเป็นในการสร้างเครือข่าย เพื่อที่จะทำงานให้บรรลุเป้าหมาย รวมทั้งพิจารณาถึงองค์กรต่างๆ ที่เห็นว่าเหมาะสม เพื่อรวมเข้าเป็นเครือข่ายในการทำงานร่วมกัน
2.การติดต่อกับองค์กรที่จะร่วมเป็นเครือข่าย หลังจากตัดสินใจเกี่ยวกับองค์กรที่เห็นว่าเหมาะสมในการเข้าร่วมเป็นเครือข่ายแล้ว ก็จะเป็นขั้นตอนการติดต่อสัมพันธ์ เพื่อชักชวนให้เข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการเรียนรู้โดยสร้างความคุ้นเคย การยอมรับและความไว้วางใจระหว่างกัน มีการให้ข้อมูลและแลกเปลี่ยนข้อมูลกระตุ้นให้คิดร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาในเรื่องเดียวกันของเครือข่าย ถือว่าเป็นการเตรียมกลุ่มเครือข่าย
3.การสร้างพันธกรณีร่วมกัน เป็นขั้นตอนการสร้างความผูกพันร่วมกัน มีการตกลงใจในความสัมพันธ์ต่อกันและตกลงที่จะทำงานร่วมกันเป็นเครือข่าย ซึ่งการทำกิจกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการหรือแก้ปัญหาร่วมกัน จะต้องมีความรู้เพียงพอในการทำกิจกรรม การเชิญวิทยากรมาถ่ายทอดเพิ่มพูนความรู้การไปศึกษาดูงาน เป็นต้น ทำให้เกิดเป็นกลุ่มศึกษาเรียนรู้ขึ้นในองค์กรเครือข่าย
4.การพัฒนาความสัมพันธ์ร่วมกัน เป็นขั้นตอนที่สร้างเครือข่ายให้เกิดผลงานเป็นรูปธรรมโดยเริ่มทำกิจกรรมที่ใช้ทรัพยากรร่วมกัน มีการตกลงในเรื่องของการบริหารจัดการขององค์กรเครือข่าย ซึ่งเริ่มด้วยการกำหนดวัตถุประสงค์ กำหนดกิจกรรม กำหนดบทบาทของสมาชิก รวมทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องชัดเจนขึ้น เกิดเป็นกลุ่มกิจกรรมขึ้นในองค์กรเครือข่าย
5.การทำกิจกรรมร่วมกัน เป็นขั้นตอนที่เกิดขึ้นหลังจากมีการพัฒนาความสัมพันธ์ร่วมกันแล้ว นำไปสู่การทำกิจกรรมร่วมกันจนมีผลงานเป็นที่ปรากฏชัดเจน เกิดประโยชน์ร่วมกันในองค์กรเครือข่าย จนเกิดการขยายกลุ่มเครือข่ายมากยิ่งขึ้น
6.การรวมตัวกันจัดตั้งองค์กรใหม่ร่วมกัน เพื่อรองรับจำนวนสมาชิกใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น
ความหมายของ E-Learning
E-Learning หมายถึง การเรียนการสอนในลักษณะใดก็ได้ ที่ใช้การถ่ายทอดเนื้อหาผ่านทางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือระบบอื่นๆที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งเนื้อหา หรือสารสนเทศสำหรับการสอนหรือการอบรม ใช้การนำเสนอด้วยตัวอักษร ภาพนิ่ง ผสมผสานกับการใช้ภาพเคลื่อนไหววีดีทัศน์และเสียง โดยอาศัยเทคโนโลยีของเว็บ (Web Technology) ในการถ่ายทอดเนื้อหา ทั้งนี้โดยภาพรวมของ E-Learning พิจารณาได้จากคุณลักษณะ ดังนี้
1.เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
2.เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหารายวิชาใดวิชาหนึ่งเป็นอย่างน้อย หรือการศึกษาตามอธัยาศัย
3.ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง จากทุกที่ทุกเวลาโดยอิสระ
4.ผู้เรียนมีอิสระในการเรียน การบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้แต่ละเนื้อหา ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันหรือพร้อมกับผู้เรียนรายอื่น
5.มีระบบปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน และสามารถเรียนรู้ร่วมกันได้
6.มีเครื่องมือที่วัดผลการเรียนได้
กล่าวโดยสรุป E-Learning เป็นระบบการเรียนการสอนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเว็บ และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มีสภาวะแวดล้ออมที่สนับสนุนการเรียนรู้อย่างมีชีวิตชีวา (Active Learning) และการเรียนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Child Center Learning) ผู้เรียนเป็นผู้คิด ตัดสินใจเรียน โดยการสร้างความรู้และความเข้าใจใหม่ๆ ด้วยตนเอง สามารถเชื่อมโยงกระบวนการเรียนรู้ให้เข้ากับชีวิตจริง ครอบคลุมการเรียนทุกรูปแบบ ทั้งการเรียนทางไกลและการเรียนผ่านเครือข่ายระบบต่างๆ
E-Learning ในประเทศไทย
การจัดระบบการเรียนการสอนทางไกลในประเทศไทยในปัจจุบัน ได้ก้าวเข้าสู่การใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อในการนำเสนอ โดยมีรูปแบบการนำเสนอผลงานแบ่งได้ 2 รูปแบบใหญ่ๆๆ คือ
· การนำเสนอในลักษณะ Web Based Instruction (WBI)
· การนำเสนอในลักษณะ E-Learning
ปัญหาการพัฒนาระบบการเรียนรู้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย
การพัฒนา WBI และ E-Learning ในประเทศไทย ประสบกับปัญหาต่างๆสรุปได้ดังนี้
1.ปัญหาการสนับสนุนด้านงบประมาณและบุคลากร และการสนับสนุนจากผู้บริหาร
2.ปัญหาการขาดความรู้ด้านเทคโนโลยี E-Learning และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
3.ปัญหาเรื่องราคาของซอฟต์แวร์ CMS/LMS และการลิขสิทธิ์
4.ปัญหาเรื่องทีมงานดำเนินการ ทั้งด้านความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และเงินสนับสนุน
5.ปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหาที่นำเสนอ แหล่งที่มา ผลตอบแทน ปละการละเมิดเมื่อเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์
6.ปัญหาเกี่ยวกับ Infrastructure ของประเทศที่ยังขาดความพร้อม
7.ปัญหาเกี่ยวกับมาตรฐานการพัฒนาเว็บไซต์ภาษาไทย ทั้งการเข้ารหัส การใช้ฟอนต์ และรูปแบบ
8.ปัญหาเกี่ยวกับมาตรฐานการจัดทำระบบ CMS/LMS
ข้อดีและข้อเสียของการเรียนรู้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ข้อดี
1.เอื้ออำนวยให้กับการติดต่อสื่อสารที่รวดเร็ว ไม่จำกัดเวลาสถานที่ รวมทั้งบุคคล
2.ผู้เรียนและผู้สอนไม่ต้องการเรียนและสอนในเวลาเดียวกัน
3.ผู้เรียนและผู้สอนไม่ต้องมาพบกันในห้องเรียน
4.ตอบสนองความต้องการของผู้เรียนและผู้สอนที่ไม่พร้อมด้านเวลา ระยะทางในการเรียนได้เป็นอย่างดี
5.ผู้เรียนที่ไม่มีความมั่นใจ กลัวการตอบคำถาม ตั้งคำถาม ตั้งประเด็นการเรียนรู้ในห้องเรียน มีความกล้ามากกว่าเดิม เนื่องจากไม่ต้องแสดงตนต่อหน้าผู้สอนและเพื่อนร่วมชั้น โดยอาศัยเครื่องมือ เช่น E-Mail , Webboard , Chat , Newsgroup แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ
ข้อเสีย
1.ไม่สามารถรับรู้ความรู้สึก ปฏิกิริยาที่แท้จริงของผู้เรียนและผู้สอน
2.ไม่สามารถสื่อความรู้สึก อารมณ์ในการเรียนรู้ได้อย่างแท้จริง
3.ผู้เรียนและผู้สอนจะต้องมีความพร้อมในการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต ทั้งด้านอุปกรณ์ทักษะการใช้งาน
ข้อคำนึงในการจัดการเรียนรู้ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ในการจัดการเรียนการสอนผ่านเว็บไซต์หรือผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ควรคำนึงถึงประเด็นต่างๆ ดังต่อไปนี้
1.ความพร้อมของอุปกรณ์และระบบเครือข่าย เนื่องจากการเรียนการสอนผ่านเว็บไซต์ เป็นการปรับเนื้อหาเดิมสู่รูปแบบใหม่ จำเป็นต้องมีเครื่องมือ อุปกรณ์ และระบบเครือข่ายที่พร้อมและสมบูรณ์ เพื่อให้ได้บทเรียนดิจิตอลที่มีคุณภาพ และทันต่อความต้องการ ผู้เรียนสามารถเลือกเวลาเรียนได้ทุกช่วงเวลาตามที่ต้องการเรียน ซึ่งในประเทศไทยพบว่ามีปัญหาในด้านนี้มาก โดยเฉพาะในเขตนอกเมืองใหญ่
2.ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต ผู้เรียนและผู้สอนต้องมีความรู้และทักษะทั้งด้านคอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตพอสมควร โดยเฉพาะผู้สอนจำเป็นต้องมีทักษะอื่นๆ ประกอบเพื่อสร้างเว็บไซต์การสอนที่น่าสนใจให้กับผู้เรียน
3.ความพร้อมของผู้เรียน ผู้เรียนจะต้องมีความพร้อมทั้งทางด้านจิตใจและความรู้ คือ จะต้องยอมรับในเทคโนโลยีรูปแบบนี้ ยอมรับการเรียนด้วยตนเอง มีความกระตือรือร้น ตื่นตัว ใฝ่รู้ มีความรับผิดชอบ กล้าแสดงความคิดเห็นและศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ
4.ความพร้อมของผู้สอน ผู้สอนจะต้องเปลี่ยนบทบาทจากผู้แนะนำมาเป็นผู้อำนวยความสะดวก ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความอยากรู้อยากเห็น อยากเรียนรู้ กระตุ้นการทำกิจกรรมออนไลน์ และการเผยแพร่บทเรียนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
5.เนื้อหา บทเรียน เนื้อหาบทเรียนจะต้องเหมาะสมกับผู้เรียนให้มากกลุ่มที่สุด มีหลากหลายให้และผู้เรียนแต่ละกลุ่มเลือกเรียนได้ด้วยตนเอง มีกิจกรรม วัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เลือกใช้สื่อการสอนที่เหมาะสมและเหมาะสมกับความพร้อมของเทคโนโลยี การลำดับเนื้อหาไม่ซับซ้อน ไม่ก่อให้เกิดความสับสน ระบุแหล่งค้นคว้าอื่นๆที่ชัดเจน
เว็บไซค์ที่เป็นเครือข่ายการเรียนรู้
Trueplookpanya.com
TKpark.com
Kroobannok.com
Cabinetthaigov.go.th
Ndmi.or.th
Glf.or.th
Thaigoodview.com
|